10 ที่เที่ยวนนทบุรี เที่ยวดีๆง่ายๆในวันเดียว
10 ที่เที่ยวนนทบุรี เที่ยวดีๆง่ายๆในวันเดียว
จังหวัดนนทบุรี ถือว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ในเขตปริมณฑลหรือติดกับเมืองหลวงอย่างกรุงเทพอีกแห่งหนึ่งของไทย นนทบุรีเป็นจังหวัดฮิตที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เหมาะสำหรับท่องเที่ยวช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายสไตล์ และเดินทางได้สะดวก วันนี้เราจะพาทุกคนไปเช็คอิน 10 ที่เที่ยวนนทบุรี ที่ขับรถไม่ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจะนั่ง MRT สายสีม่วงไปแบบชิลๆ ก็เที่ยวนนทบุรีได้เหมือนกัน! เรียกได้ว่าไม่ต้องหยุดยาวก็พร้อมลุยกับที่เที่ยวนนทบุรี ไปกี่ทีก็ไม่เบื่อ นอกจากสารพัดจุดเช็คอินหลากสไตล์แล้ว ยังเดินทางง่าย แค่ขับรถไปนนทบุรี ชั่วโมงเดียวก็ถึง!
ที่เที่ยวนนทบุรีมีที่ไหนบ้าง
เกาะเกร็ด
เกาะเกร็ด เป็นหมู่บ้าน OTOP ต้นแบบภาคกลาง เป็นแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ในด้านการผลิตสินค้าหัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยมอญที่ได้สืบทอดกันมายาวนาน และการทำขนมมงคล เกิดขึ้นจากการขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงส่วนที่เป็นแหลม ในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระแห่งกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2265 เรียกว่า “คลองลัดเกาะเกร็ดน้อย” ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางแรงขึ้นเซาะตลิ่งทำให้คลองขยาย แผ่นดินตรงแหลมจึ่งเกลายเป็นเกาะ มีชื่อเดิมว่า เกาะศาลากุน มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม ร้านเครื่องปั้นดินเผาเล็กๆ น่ารัก ราคาถูก ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา และเครื่องปั้น ทางศิลปะแขนงต่างๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ บนเกาะเกร็ดยังมีกิจกรรมให้ทำกันอีกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานรอบเกาะ อย่าพลาดจอดแวะลงเดินเลือกซื้อของฝากจำพวกเครื่องปั้นดินเผา และแวะชิมขนมไทย ทอดมันหน่อกะลา ข้าวแช่ กะละแม และคะนอนจิม อาหารชาวมอญโบราญ แล้วไปปิดท้ายด้วยการนั่งเรือกินลมชมทัศนียภาพรอบเกาะเกร็ดกันก็ได้
วัดกู้ (พระนางเรือล่ม)
วัดกู้ เป็นวัดในจังหวัดนนทบุรี เป็นที่รู้จักจากเหตุการณ์เรือพระประเทียบล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณใกล้กับวัด อันนำมาสู่การสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะตามเสด็จฯ แปรพระราชฐานไปยังพระราชวังบางปะอิน พระองค์สิ้นพระชนม์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี พระราชธิดา และพระราชบุตรในพระครรภ์ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นพระราชโอรสหรือพระราชธิดา วัดกู้ สันนิษฐานว่าสร้างมาแต่สมัยกรุงธนบุรี โดย "พระยาเจ่ง" หัวหน้าครอบครัวมอญที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี สันนิษฐานได้จากจิตรกรรมและศิลปะภายในวัดที่เป็นแบบมอญ เดิมเชื่อว่า วัดกู้ ตั้งชื่อตามเหตุการณ์กู้เรือและพระศพของของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีขึ้นมา แต่วัดกู้ เดิมชื่อวัดท่าสอน หรือ วัดหลังสวน เมื่อชาวมอญอพยพมาอยู่ ณ บริเวณนี้ พวกเขาเรียกพื้นที่นี้ว่า กวานกู้ ซึ่งเป็นภาษามอญแปลว่าบ้านไร่ ดังนั้นชื่อวัดกู้นี้จึงเกิดขึ้นมาก่อนเหตุการณ์ของพระนางเรือล่ม บริเวณวัดยังมี "ศาลสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์" หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ศาลพระนางเรือล่ม" สร้างขึ้นในบริเวณที่เชื่อกันว่าเรือพระประเทียบของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีล่ม ตัวศาลนั้นจำลองแบบจากศาลาจตุรมุขของพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ในพระราชวังบางปะอิน ภายในประดิษฐานศาลและเรือที่กู้ขึ้นมา แต่แท้จริงแล้วสถานที่เกิดเหตุอยู่ที่หน้าวัดเกาะพญาเจ่ง หรือวัดเกาะบางพูด โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างพระเจดีย์เป็นพระราชอนุเสาวรีย์ขึ้นยังตำแหน่งที่เกิดเหตุ ณ ที่นั่น
ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี
ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี (หลังเก่า) ตั้งอยู่ บริเวณท่าน้ำนนทบุรี ใกล้กับหอนาฬิกา เป็นอาคารไม้สักเก่าแก่ที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ลักษณะอาคารสร้างด้วยไม้สัก เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกที่ประยุกต์ให้เข้ากับภูมิอากาศเขตร้อนหันหน้าออกสู่แม่น้ำ เป็นอาคาร 2 ชั้นก่ออิฐถือปูน มี7 หลัง วางผังเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า ล้อมรอบลานกว้าง เชื่อมต่อด้วยระเบียงทางเดินทำด้วยไม้ที่ยื่นออกมารอบอาคารด้วยคุณค่าทางสถาปัตยกรรม และความสำคัญทางประวัติศาสตร์ กรมศิลปากรจึงขึ้นทะเบียนอาคารหลังนี้เป็นโบราณสถานในปี พ.ศ. 2524 เดิมจุดประสงค์ให้เป็น โรงเรียนกฎหมาย แต่เนื่องจากยังไม่มีบุคลากร จึงได้ใช้เป็นที่ตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัย ซึ่งได้เปิดสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2454 -2469 และได้ยุบโรงเรียนราชวิทยาลัย โดยโอนย้ายนักเรียนไปรวมกับโรงเรียมหาดเล็กกรุงเทพ ต่อมาได้รับพระราชทานนามใหม่จาก รัชกาลที่ 7 ว่า “วชิราวุธวิทยาลัย” อาคารหลังนี้จึงได้ใช้เป็นศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ระหว่างปี พ.ศ.2471 – 2535 จากนั้นใช้เป็น ที่ตั้งวิทยาลัยมหาดไทย จนถึงปี พ.ศ.2551 นับจากปี พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป อาคารหลังนี้ได้รับการอนุรักษ์ และปรับปรุงให้เป็นที่ตั้ง พิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี อันเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดนนทบุรีอย่างครบถ้วน เพื่อสร้างความรู้ ความภาคภูมิใจ และความรักในท้องถิ่นให้แก่ชาวนนทบุรี โดยพิพิธภัณฑ์นี้เป็นแหล่งรวบรวม เก็บรักษา และจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตลอด จนมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอันทรงคุณค่าของชาวนนทบุรี วันเปิดทำการ วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. เปิดให้เข้าชมฟรี
ท่าน้ำนนท์
ท่าน้ำนนทบุรี หรือ ท่าน้ำนนท์ หรือ ท่าน้ำพิบูลสงคราม 3 เป็นท่าน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาหลายท่าใกล้เคียงกัน ตั้งอยู่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่าและหอนาฬิกาจังหวัดนนทบุรี ถนนประชาราษฎร์ เขตเทศบาลนครนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ประกอบด้วยท่าเรือด่วนเจ้าพระยาและท่าเรือข้ามฟาก ท่าน้ำนนท์ ถือเป็นท่าเรือต้นทางของเรือด่วนเจ้าพระยาก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นท่าจุดจอดเรือทุกสายในฝั่งนนทบุรี มีตลาดนนท์ ตลาดชุมชนขนาดใหญ่ ร้านรวงขึ้นชื่อมากมาย และมีท่ารถประจำทางอยู่ไม่ไกล แสดงให้เห็นความเป็นศูนย์กลางความคึกคักของคนนนทบุรีอีกจุดหนึ่ง เพื่อนๆสามารถถ่ายรูปหอนาฬิกาซึ่งเป็นสัญลักษณ์เด่นของท่าน้ำนนท์ก็ได้
วัดชมภูเวก
วัดชมภูเวก ตั้งอยู่แถวสนามบินน้ำ ซ.นนทบุรี 33 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของจังหวัดนนทบุรี เป็นวัดมอญสร้างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น สถาปัตยกรรมของวัดชมภูเวกที่มีความเก่าแก่ถึง 350 ปีนี้ เป็นศิลปะผสมผสานระหว่าง ไทย มอญ จีน พม่า และของชาวตะวันตก สิ่งที่โดดเด่น คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณอันงดงาม ทั้งสี่ด้านมีภาพจิตรกรรมสีฝุ่นผสมกาวตามแบบอยุธยาตอนกลางฝีมือช่างสกุลนนทบุรีในยุคนั้นแสดงเรื่องราวทศชาติชาดกและพุทธประวัติ มีพระมุเตา หรือ เจดีย์ทรงมอญและเสาหงส์สัญลักษณ์ของวัดมอญ ตั้งอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ เชื่อว่าภายในบรรจุพระบรมธาตุ พระอุโบสถหลังเดิม มีอายุเก่าแก่ ลักษณะเด่นของอุโบสถเก่านี้คือ ถูกออกแบบให้มีประตูเข้า-ออก ทางด้านหน้าด้านเดียวตามคติมอญ เรียกว่า “โบสถ์มหาอุต” ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณ โดยเฉพาะภาพของพระแม่ธรณีที่อยู่บริเวณผนังเหนือประตูทางเข้า โดยมีรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผมในท่วงท่าที่อ่อนช้อยงดงามอยู่ในซุ้มเรือนแก้วยอดแหลมได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพแม่พระธรณีที่งดงามที่สุดภาพหนึ่งของเมืองไทย นอกจากนี้ยังมีจิตกรรมฝาผนังภาพเด่นๆอีกก็คือ ภาพทศชาติชาดกที่ผนังด้านข้างระหว่างช่องหน้าต่าง และภาพเหล่าเทวดากำลังไหว้พระธาตุจุฬามณีบนสวรรค์ ส่วนผนังหลังพระประธานนั้น ตรงกลางเขียนซุ้มเรือนแก้วใหญ่เป็นฉาก พื้นผนังเป็นลายดอกไม้ร่วง ด้านข้างทั้งสองเป็นรูปอดีตพระพุทธเจ้า สำหรับองค์พระประธานภายในอุโบสถเก่า เป็นพระประธานจำลองปางมารวิชัยถอดแบบของเก่าสมัยสุโขทัย ติดกับพระอุโบสถหลังเดิม คือ อุโบสถหลังใหม่เป็นลักษณะทรงไทยใต้ถุนสูง 2 ชั้น หลังคาลดหลั่น 3 ชั้น มีช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ หน้าบัน ซุ้มหน้าต่าง และประตูประดับด้วยกระจก จิตกรรมฝาผนังภายในอุโบสถหลังใหม่นี้ เป็นภาพเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวพุทธประวัติ ตามบานประตูหน้าต่างเขียนลายเทพพนม เป็นที่ประดิษฐานพระประธานศิลปะสุโขทัยและพระพุทธรูปยืนอีก 2 องค์วัดแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ
บ้านโสมส่องแสง ครูมนตรี ตราโมท
บ้านโสมส่องแสง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสิ่งของโบราณที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตณ์ เป็นบ้านของครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติปี พ.ศ. 2528 สาขาศิลปะการแสดงดนตรีไทย โดยทายาทก็คือคุณญาณี ตราโมท และภรรยาก็คือคุณกษพร ตราโมท ทั้ง 2 ท่านได้อนุรักษ์สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับครูมนตรี ตราโฒท ที่ใช้ในการแต่งเพลง บทความและฉันทลักษณ์ต่างๆเอาไว้อย่างครบถ้วน ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติทางด้านดนตรีและนาฏศิลป์ไทย โดยบ้านของศิลปินกวี 5 แผ่นดินอย่างครูมนตรี ตราโมทนี้ มีชีวิตอยู่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ถึงรัชกาลที่ 9 เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ รังสรรค์ผลงานประพันธ์ทำนองเพลงไทยไว้มากกว่า 200 เพลง อนุรักษ์บ้านหลังนี้ไว้เพื่อเป็นแหล่งศึกษาชีวิตของศิลปินไทยที่มีคุณงามความดี ดำเนินชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สมถะ โดยยึดมั่นในคุณธรรมมากกว่าวัตถุ ปัจจุบันยังมีการจัดสอนดนตรีไทยให้กับผู้สนใจทั่วไปทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และในช่วงอาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ทุกปี จะมีการจัดพิธีไหว้ครูดนตรีไทย เข้าชมได้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ตลาดน้ำบางคูลัด
ตลาดน้ำบางคูลัด เป็นย่านตลาดเก่าริมคลองในอำเภอบางใหญ่ จ.นนทบุรี เดิมเป็นตลาดที่มีเรือพายขายของในลำคลอง แต่ปัจจุบันย้ายขึ้นมาบนบกหมดแล้ว เป็นตลาดขนาดเล็กที่มีร้านขายของไม่มาก เปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ หากเดินเข้ามาทางด้านหน้าจะเจอกับตลาดสดก่อน ซึ่งของที่ขายจะเหมือนกับตลาดสดทั่วไป สำหรับการเดินทางหากนำรถส่วนตัวมา สามารถนำไปจอดได้ที่ ศาลเจ้าพ่อจุ้ย ซึ่งอยู่เลยจากตลาดไปเล็กน้อย สามารถเดินทะลุถึงกันได้ผ่านตรอกแคบๆ เข้ามาจนถึงตัวตลาด ค่อนข้างเงียบเหงา มีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ 1 ร้าน และร้านขายน้ำอีก 2 ร้าน คือ เรียกว่าถ้าตั้งใจเพื่อมาเที่ยวตลาดนี้โดยเฉพาะอาจไม่ค่อยมีอะไรที่น่าสนใจมาก แต่ถ้าเป็นทางผ่านไปยังที่อื่นก็ถือว่าแวะได้อยู่ ที่นี่มีมุมถ่ายภาพที่น่าจะสวยที่สุดในตลาด เป็นบ้านไม่เก่าแก่จัดแต่งให้เข้าบรรยากาศย้อนยุค มีป้ายชื่อ “ตลาดใหม่วัฒนา” ซึ่งเป็นชื่อเดิมของตลาดน้ำบางคูลัด มีสะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่ได้บรรยากาศของวิถีชุมชนริมน้ำ ข้ามไปก็จะมีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่อีก 1 ร้าน ถือเป็นอีกแหล่งเที่ยวที่เพื่อนๆควรมาถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง
วัดบรมราชากาญจนาภิเษก (วัดเล่งเน่ยยี่ 2)
“วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์” หรือ “วัดเล่งเน่ยยี่ 2” พื้นที่เดิม ก่อนเคยเป็นโรงเจขนาดเล็ก มีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ เป็นโรงเจที่ชาวบ้านบางบัวทองให้ความศรัทธามาช้านาน ต่อมาคณะสงฆ์จีนนิกายมีปณิธานจะพัฒนาที่ส่วนนี้ให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ เพื่อสร้างเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสเถลิงถวัลย์ครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี วัดนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด 12 ไร่ โดยคณะสงฆ์จีนนิกายมอบให้ พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (พระอาจารย์เย็นเชี้ยว) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและมีพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร เป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมทั้งพุทธบริษัทไทย-จีน ร่วมกันสร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยปีกาญจนาภิเษก ทางวัดมังกรกมลาวาส ได้กราบทูลเชิญสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นประธานการวางศิลาฤกษ์ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 เวลา 15.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชานุญาตให้สร้างวัดและพระราชทาน นามว่า “วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์” ท่านแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง เป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตสร้างวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ จึงนำมาซึ่งความปิติยินดีของชนชาวไทยเชื้อสายจีน และความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อคณะสงฆ์จีนมาโดยตลอด วัตถุประสงค์การสร้างวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ 1. เพื่อเฉลิมฉลองการครองราชย์ครบ 50 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและแสดงความจงรักภักดี กตัญญูกตเวทิตาถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ที่คณะสงฆ์จีนนิกายได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร 2. เพื่อตั้งเป็นพุทธสถานให้พุทธศาสนิกชนได้ปฏิบัติธรรมและประกอบพิธีกรรมพร้อมทั้งเป็นที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานจีนนิกาย 3. เพื่อตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม ไทย-จีน เป็นที่ศึกษาพระธรรมวินัยของพระภิกษุสามเณรและสร้างศาสนทายาทของพระพุทธศาสนาสืบไปมีวันเวลาเปิด-ปิด ทุกวัน 06.00-18.00 น. เข้าชมฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
สวนมาลัยบัววิคทอเรีย
สวนมาลัยบัววิคทอเรีย เกิดจากความรักความหลงใหลในพันธุ์บัวของเจ้าของสวน คือ พี่มาลัยที่รักในบัวพันธุ์นี้มากว่า 20 ปี โดยเริ่มจากซื้อบัวต้นเล็กๆ มาปลูกและขยายพันธุ์เพาะเมล็ดจนกลายเป็นสวนบัววิคทอเรียที่โด่งดังเป็นเจ้าแรกๆ บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ โดยเน้นขายบัวพันธุ์นี้เป็นหลัก ต่อมาจึงเกิดไอเดียทำสวนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย โดยเก็บค่าชมสวนและค่าลงบัวตามป้ายที่เขียนไว้ด้านหน้า เพื่อนๆสามารถถ่ายรูปคู่กับบัวที่รองรับน้ำหนักของเราได้ หรือเลือกซื้อบัวไปปลูกเองก็ได้
ชมเฌย
ชมเฌย อีกหนึ่งสถานที่ถ่ายภาพสุดแนว มีมุมถ่ายภาพฮิปเก๋หลายมุม ที่ขาฮิปสเตอร์ทั้งหลายต้องไม่พลาด ชมเฌย ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนนทบุรี ซอยกำนันทินกร ถนนศาลาธรรมสพน์ ใกล้พุทธมณฑลสาย 4 โดยจำลองสถานที่บนเนื้อที่กว้างขวางกว่า 6 ไร่ ให้เป็นเมืองขนาดย่อม ตกแต่งอาคารบ้านเรือน ร้านค้าต่าง ๆ แบบโบราณย้อนยุคชวนให้ย้อนคิดถึงชีวิตวัยเด็ก ชมเฌย แบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซน โซนแรก เป็นตึกปูนแนววินเทจสีสันสดใส โดยเน้นฉากและอุปกรณ์ประกอบ แบบย้อนยุค มีจุดถ่ายภาพหลากหลายมุมให้โพสต์ท่าชิคๆ ทราบมาว่า คือ สตูดิโอถ่ายละครแนวพีเรียตหลายเรื่อง เช่น พริ้งคนเรืองเมือง มอม เลือดรักเลือดทระนง เมื่อก่อนจะใช้เป็นพื้นที่ถ่ายละครเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมฟรี แต่ก่อนเดินทางควรโทรสอบถามเพราะหากวันไหนมีกองถ่ายละคร จะไม่อนุญาตให้เข้าชม อยากถ่ายภาพย้อนยุค โพสต์ท่าสุดแนวแบบไม่ต้องเดินทางไกล ให้มาที่ชมเฌย รับรองว่าถูกใจขา selfie อัพภาพลงโซเชี่ยลแน่นอน
การเดินทางเที่ยวนนทบุรี
รถยนต์ส่วนตัว : ใช้ทางคู่ขนานลอยฟ้า บรมราชชนนี, ถนนราชพฤกษ์ และถนนหมายเลข 302 ไปทาง ตำบลบางกระสอ เทศบาลนครนนทบุรี
ขนส่งสาธารณะ :
-รถไฟฟ้า นั่ง MRT สายสีม่วงไปสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี หรือสถานีใกล้เคียงจุดท่องเที่ยว
-รถประจำทาง จากกรุงเทพฯ มีรถประจำทางปรับอากาศและไม่ปรับอากาศขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการ มายังจังหวัดนนทบุรีหลายสาย เช่น สาย 30 สายใต้ใหม่-นนทบุรี, สาย 32 วัดโพธิ์-ปากเกร็ด, สาย 33 สนามหลวง-ปทุมธานี
-เรือ นั่งเรือโดยสารจากท่าเรือท่าช้าง เส้นทางบางกอกน้อย-บางใหญ่
เป็นยังไงกันบ้างกับที่เที่ยวประจำจังหวัดนนทบุรีทั้ง 10 แห่ง น่าสนใจเลยใช่มะ เพื่อนๆสามารถเดินทางไปเที่ยวได้หลายวิธีเลยนะ ทั้งนั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง หรือ จะนั่งรถประจำทางก็ได้ หรือจะนั่งเรือก็ได้ หรือที่อยากแนะนำเลย คือการเช่ารถนนทบุรี ไปกับ ECOCAR ของเราได้เลยนะ เพราะที่นี่มีสาขาใกล้กับ MRT สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เช่าไม่แพงเลย เริ่มต้นที่ 856 บาท/วัน รถยนต์ทุกคันมีคุณภาพมากกว่า 600 คัน ผ่านการตรวจสภาพและอายุใช้งานไม่เกิน 5 ปีทุกคัน มากด้วยประสบการณ์ในการให้บริการรถเช่ามากกว่า 8 ปี สามารถขับรถไปเที่ยวนนทบุรีและทุกที่ทั่วไทย มีน้ำมันเติมให้เต็มถัง มีบริการรถเช่าทั้งแบบขับเองและพร้อมคนขับ หากสนใจขับรถไปเที่ยวนนทบุรีกับเรา อย่าลืมหาเช่ารถกับ ECOCAR นะ