10 ที่เที่ยวกรุงเทพฯ ไปวันเดียวเที่ยวทั่วกรุง

10 ที่เที่ยวกรุงเทพฯ ไปวันเดียวเที่ยวทั่วกรุง

“กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” ร้องชื่อเต็มของกรุงเทพซะขนาดนี้ แน่นอนว่าเรากำลังเอ่ยถึงกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย ศูนย์กลางแห่งเศรษฐกิจและความเจริญของประเทศไทยนี่เอง ช่วงเวลาที่เราหยุดทำงานแล้วอยู่บ้าน แน่นอนว่าต้องมีสักคนที่อยากจะออกไปเที่ยวที่ต่างๆในกรุงเทพบ้างไม่มากก็น้อย หรือแม้กระทั่งประชาชนที่มาจากต่างจังหวัดที่อยากจะแสวงโชคในเมืองกรุงก็ชอบมาขับรถไปกรุงเทพ เพื่อมาเที่ยวเมืองหลวงแห่งนี้เช่นกัน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในเขตกรุงเทพฯก็มีเยอะแยะมากมายจนเลือกเที่ยวไม่ถูกหรือเที่ยวไม่หมดในวันเดียวแน่นอน ดังนั้น เราจึงอยากแนะนำ 10 ที่เที่ยวกรุงเทพฯ ที่เมื่อเราได้มาเที่ยวแล้วเหมือนได้เที่ยวกรุงเทพจริงๆแน่นอน เรามาดูกันดีกว่า ว่าจะมีที่ไหนบ้าง

10 ที่เที่ยวกรุงเทพฯ มีที่ไหนบ้าง

ที่เที่ยวกรุงเทพ

1. วัดพระแก้ว
สำหรับ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้เป็นที่ประดิษฐาน พระแก้วมรกต รวมถึงเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล โดยเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นแต่วันที่มีพระราชพิธีต่าง ๆ) ตั้งแต่เวลา 08.30-15.30 น.  โดยคนไทย ไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถแสดงบัตรประชาชนได้ที่ทางเข้า

ที่เที่ยวกรุงเทพ

2. ตลาดนัดจตุจักร
เป็นตลาดนัดในกรุงเทพมหานคร มีจำนวนแผงค้าทั้งหมดมากกว่า 8,000 แผงค้า แบ่งเป็น 27 โครงการ มีสินค้า 8 ประเภท ได้แก่ ผักและผลไม้ เสื้อผ้า สัตว์เลี้ยง ต้นไม้ อาหารปรุง อาหารสำเร็จรูป อาหารสด และเบ็ดเตล็ด ตลาดนัดจตุจักรถูกสร้างขึ้นโดย พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ชมะนันท์ ในสมัยปี พ.ศ. 2521 เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยซึ่งในขณะนั้น พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นประธานกรรมการรถไฟ โดยการเอากองขยะที่ดินแดง มาถม ที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย แล้วย้ายตลาดนัดสนามหลวงมาที่นี่ โดยใช้ทหารช่างมาทำการสร้างขึ้น นับว่าเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จตุจักร หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆว่า “เจเจ”  ถือเป็นแหล่งรวมสินค้าแทบจะทุกประเภท แถมสินค้าแต่ละอย่างก็แสนจะเก๋ไก๋มีสไตล์กันทั้งนั้น มีตั้งแต่ โซนสัตว์เลี้ยง โซนขายต้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ งานฝีมือ งานอดิเรก ของสะสมหายาก เสื้อผ้า เครื่องประดับ ฯลฯ เรียกได้ว่ามีสินค้าให้เลือกหลากหลาย แถมการเดินทางก็สะดวก จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนไทยและชาวต่างประเทศจำนวนมากถึงได้หลงเสน่ห์ของที่นี่ โดยโซนตลาดต้นไม้จตุจักรจะเปิดทุก พุธ-พฤหัส เวลา 06.00 – 18.00 น. ส่วน Zone อื่นๆ ที่จตุจักรจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 18.00 น.

ที่เที่ยวกรุงเทพ

3. หอศิลป์กรุงเทพฯ
หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (Bangkok Art and Culture Centre) หรือ หอศิลป์กรุงเทพฯ เป็นหอศิลปะร่วมสมัย ตั้งอยู่ที่สี่แยกปทุมวัน แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร หอศิลป์แห่งนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อ ดร.พิจิตต รัตตกุล ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้นมีมติร่วมกับคณะกรรมการโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ศิลปะแห่งรัชกาลที่ 9 เมื่อปี พ.ศ. 2538 ให้กรุงเทพมหานครจัดสร้างหอศิลปะร่วมสมัยแห่งกรุงเทพมหานคร ณ สี่แยกปทุมวัน แต่โครงการกลับมาหยุดลงสมัยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ซึ่งต้องการให้เป็นอาคารพาณิชย์มากขึ้น จนเกิดกิจกรรมเคลื่อนไหวคัดค้านจากหมู่นักศึกษาและศิลปิน ต่อมาในสมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ จึงพิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการจัดสร้างตามเดิม หอศิลป์แห่งนี้เปิดอาคารแรกตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2548 แต่ก่อสร้างแล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2551 อาคารได้รับการออกแบบให้เป็นทรงกระบอก สูง 9 ชั้น มีพื้นที่ทั้งหมด 25,000 ตารางเมตร โดยแบ่งเป็นห้องแสดงผลงาน โรงภาพยนตร์ ห้องสมุด ห้องเก็บรักษาผลงาน ห้องประชุม ร้านค้า และร้านอาหาร ในชั้นที่ 6 เป็นต้นไป มีทางเดินลาดเอียงเลาะขึ้นไปตามชั้นต่างๆ ในรูปทรงกระบอกของอาคาร และมีการนำแสงธรรมชาติในการจัดแสดงงาน คล้ายคลึงกับพิพิธภัณฑ์โซโลมอน อาร์. กุกเกนไฮม์ เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น. ในวันอังคารถึงวันอาทิตย์ ไม่เก็บค่าเข้าชม

ที่เที่ยวกรุงเทพ

4. ท้องฟ้าจำลอง
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (อังกฤษ: Science Center for Education) หรือที่นิยมเรียกตามชื่อเดิมของสถานที่ว่า ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ (Bangkok Planetarium) ตั้งอยู่เลขที่ 928 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ18 สิงหาคม 2507 เป็นพิพิธภัณฑ์ด้านดาราศาสตร์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของไทย โดดเด่นด้วยเครื่องฉายดาวที่แสดงการจำลองของหมู่ดาวบนท้องฟ้าได้อย่างน่าอัศจรรย์ และ ยังมีนิทรรศการในส่วนการแสดงวิทยาศาสตร์อีกด้วย เปิดให้บริการทุกวันอังคาร – วันอาทิตย์  เวลา 9.00 – 16.30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ที่เที่ยวกรุงเทพ

5. สถานีรถไฟหัวลำโพง
สถานีรถไฟกรุงเทพ หรือเรียกกันทั่วไปว่า หัวลำโพง เริ่มก่อสร้างในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 คือในปี พ.ศ.2453 การก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดใช้บริการอย่างเป็นทางการโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ ทรงกระทำพิธีกดปุ่มสัญญาณไฟฟ้าให้รถไฟขบวนแรกเดินเข้าสู่สถานีกรุงเทพ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2459 สถานีรถไฟกรุงเทพ สร้างอยู่ในพื้นที่ 120 ไร่เศษ อยู่ห่างจากสถานีเดิมไปทางทิศใต้ ประมาณ 500 เมตร ตั้งอยู่ในท้องที่ แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ลักษณะของสถานีรถไฟของที่นี่จะแตกต่างจากที่อื่นๆ ด้วยตัวอาคารทรงโดมโค้งสไตล์อิตาเลียน ผสมกับศิลปะแบบเรอเนสซองซ์ คล้ายกันกับสถานีรถไฟแฟรงก์เฟิร์ตในประเทศเยอรมนี ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี มิสเตอร์ มาริโอ ตามันโญ (Mario Tamagno) ประดับด้วยหินอ่อน เพดานสลักลายนูนต่างๆ มีนาฬิกาขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์ ตั้งอยู่กึ่งกลางหลังคาโค้งของสถานี ผนังโครงสร้างหลังคาเป็นกระจก เมื่อมองออกไปแสงสว่างจากด้านนอกสะท้อนเข้ามาเห็นสีสันของกระจกสลับไปมา ระหว่างสีฟ้า สีเหลือง สีขาว ด้านหน้าของสถานีรถไฟ ฝั่งตะวันตก มี พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กซ่อนตัวอยู่ เป็นแหล่งเรียนรู้ ศึกษาแลกเปลี่ยน วิวัฒนาการของรถไฟไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สถานีรถไฟกรุงเทพ เปิดให้บริการตั้งแต่ 04.00–23.30 น.

ที่เที่ยวกรุงเทพ

6. เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟรอนต์
เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ (Asiatique The Riverfront) เป็นศูนย์การค้าแนวราบริมแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างซอยเจริญกรุง 72-76 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร บริหารงานโดย กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยรีเทล อินเวสเม้นต์ โดย บริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล จำกัด ภายในโครงการประกอบด้วยร้านค้า ร้านอาหารริมน้ำ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงละครคาลิปโซ่ที่ย้ายมาจากโรงแรมเอเชีย และโรงละครโจหลุยส์ที่ย้ายมาจากสวนลุมไนท์บาซาร์ เริ่มสร้างครั้งแรกในปี พ.ศ. 2555 ได้มีพัฒนาปรับปรุงเป็นศูนย์การค้า ด้วยแนวคิด Festival Market and Living Museum ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและช้อปปิ้งที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม โดยมีจุดเด่นคือชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ "เอเชียทีค สกาย" ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่ความสูง 60 เมตร และเมื่อขึ้นไปแล้วจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของกรุงเทพมหานครในมุมสูงได้รอบตัว

ที่เที่ยวกรุงเทพ

7. เยาวราช
ถนนเยาวราช เป็นถนนสายหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ระยะทางความยาวตลอดเส้นทางประมาณ 1,510 เมตร ได้รับการกล่าวขานและขนานนามว่าเป็น "ถนนมังกร" โดยมีจุดเริ่มต้นของหัวมังกรที่ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาบริเวณวงเวียนโอเดียน ท้องมังกรอยู่ที่บริเวณตลาดเก่าเยาวราชและสิ้นสุดปลายหางมังกรที่บริเวณปลายสุดของถนน ได้เริ่มสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ใช้ระยะเวลาในการตัดถนน 8 ปี ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2434 - พ.ศ. 2443 เพื่อให้เยาวราชกลายเป็นสถานที่สำหรับส่งเสริมการค้าขาย เดิมทีชื่อ "ถนนยุพราช" และได้โปรดเกล้าพระราชทานนามใหม่ว่า "ถนนเยาวราช" บริเวณถนนเยาวราชเป็นแหล่งชุมชนชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นจำนวนมาก จัดเป็นย่านธุรกิจการค้า, การเงิน การธนาคาร, ร้านทอง, ภัตตาคาร ร้านอาหาร, ร้านค้า ฯลฯ รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครโดยได้รับการขนานนามว่าเป็น "ไชนาทาวน์แห่งกรุงเทพมหานคร" จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และถือว่าเป็นไชนาทาวน์หรือชุมชนชาวจีนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ที่เที่ยวกรุงเทพ

8. สยามสแควร์
สยามสแควร์ ได้เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 และธุรกิจมีการแข่งขันต่อเนื่อง ทั้งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายนอก รูปแบบอาคารอยู่เสมอ แต่ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ รวมถึงภูมิทัศน์ ก็ย่อมเสื่อมสภาพและทรุดโทรมตามกาลเวลา ปัญหาที่ผู้ค้าและผู้ใช้บริการต้องประสบอยู่ เช่น สภาพภายนอกอาคารเก่า ทางเดินเท้าที่แคบและชำรุด ความสกปรกของระบบการระบายน้ำเสีย ปัญหาน้ำท่วม การวางระบบสาธารณูปโภคที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย เช่นสายไฟฟ้าหรือโทรศัพท์และระบบการกำจัดขยะ เป็นต้น ซึ่งมีการแก้ปัญหาเป็นบางส่วน แต่ระบบสาธารณูปโภคโดยรวมยังไม่ได้มีการวางแผนระยะยาว ธุรกิจในสยามสแควร์มีความหลากหลาย ทั้งโลกของแฟชั่น อาหาร พื้นที่โฆษณา โรงเรียนกวดวิชา สังคมเด็กแนว หรือในแวดวงทางการธุรกิจการตลาด เป็นสถานที่ที่มีการทดลองสินค้า และกิจกรรมการตลาดแบบแปลกใหม่และเข้มข้นที่สุดแห่งหนึ่ง มีจำนวนคนเดินในสยามสแควร์ในวันธรรมดาเฉลี่ยวันละ 20,000 คน วันหยุดไม่ต่ำกว่า 50,000 คน ซึ่งแต่ละคนมีกำลังซื้อเฉลี่ย 1,000 บาท/ครั้ง/คนสื่อโฆษณา แบบแปลกๆ ในสยามสแควร์พื้นที่บริเวณสยามสแควร์ นอกจากเป็นสนามทดลอง การประชาสัมพันธ์ของแบรนด์สินค้าใหม่ๆ และบริการต่างๆ แล้ว ยังเป็นสื่อใหม่ๆ ที่มึความคิดสร้างสรรค์แปลกๆใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าต่างๆ ให้เป็นที่สะดุดตาของคนทุกกลุ่ม ทุกวัย

ที่เที่ยวกรุงเทพ

9. เสาชิงช้า
เสาชิงช้า เป็น สถาปัตยกรรม ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีโล้ชิงช้า ใน พระราชพิธีตรียัมพวาย ตรีปวาย ของ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยทั่วไปหมายถึงเสาชิงช้าที่ตั้งอยู่หน้า วัดสุทัศน์เทพวราราม และลานหน้า ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ลานคนเมือง) ใกล้กับ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ในพื้นที่แขวงเสาชิงช้าและแขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของ กรุงเทพมหานคร แม้พิธีโล้ชิงช้าได้เลิกไปแล้วตั้งแต่สมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ก็ตาม เสาชิงช้าที่ กรุงเทพมหานคร แห่งนี้ มีลักษณะเป็นเสาชิงช้าขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนแท่นหินขนาดใหญ่ สูง 21.15 ม. เส้นผ่านศูนย์กลาง ฐานกลมประมาณ 10.50 ม. ฐานกลมก่อเป็นฐานปัทม์ทำด้วยหินล้างสีขาว พื้นบนปูกระเบื้องดินเผาสีแดง มีบันได 2 ขั้น ทั้ง 2 ด้าน ตามแนวโค้งของฐานติดแผ่นจารึกประวัติเสาชิงช้า เสาไม้แกนกลางคู่และเสาตะเกียบ 2 คู่ เป็นเสาหัวเม็ด ล้วนทำด้วยไม้สักกลึงกลม โครงยึดหัวเสาทั้งคู่แกะสลักอย่างสวยงาม กระจังและหูช้างไม้เป็นลวดลายไทย ทั้งหมดทา สีแดงชาด ติด สายล่อฟ้า จากลวดลายกระจังด้านบนลงดิน กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนเสาชิงช้าเป็น โบราณสถาน สำคัญของชาติเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 นับตั้งแต่สร้างครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2327 จนถึงการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุดซึ่งเสาชิงช้าคู่เดิมถูกถอดเปลี่ยนเมื่อปี พ.ศ. 2549 เสาชิงช้ามีอายุรวมประมาณ 222 ปี

ที่เที่ยวกรุงเทพ

10. มิวเซียมสยาม
มิวเซียมสยาม หรือ พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ เป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดให้บริการเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2551 มิวเซียมสยามดูแลโดยสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ถือเป็นแหล่งการเรียนรู้หนึ่งที่เน้นจุดมุ่งหมายในการแสดงตัวตนของชนในชาติ ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เข้าชมที่อยู่ในวัยเด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้รากเหง้าของชาวไทย โดยเน้นไปที่กลุ่มชนในเขตเมืองบางกอก หรือที่เรียกในปัจจุบันว่า กรุงเทพมหานคร เป็นสำคัญ เนื่องจากตัวมิวเซียมสยามแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร แต่มิได้หมายความว่าถ้าเป็นคนไทยต่างจังหวัด จะไม่สามารถมาเรียนรู้จากพิพิธภัณฑ์นี้ได้ ด้วยเพราะสิ่งที่จัดแสดงในตู้ เน้นการนำเสนอความเป็นไทย ในมิติที่ร่วมสมัยมากขึ้น ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอด้วยสื่อผสมหลายรูปแบบ ทำให้มีความน่าสนใจ และดึงดูดใจผู้เข้าชมได้เป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังตั้งอยู่ในสถานที่สวยงาม ปัจจุบัน ได้ทำการปรับปรุงนิทรรศการชุด เรียงความประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2559 ต่อมาได้มีการจัดทำนิทรรศการชุดใหม่โดยมีจุดประสงค์ให้มีเนื้อหาเท่าทันสมัย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้าชม มีชื่อชุดว่า นิทรรศการ "ถอดรหัสไทย" นำเสนอภายใน 14 ห้องนิทรรศการ ที่จะพาไปเรียนรู้ทุกมุมมองความเป็นไทย และพัฒนาการความเป็นไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อาทิ เรื่องราวด้านประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม วัฒนธรรมประเพณี อาหารการกิน การแต่งกาย สำหรับ นิทรรศการ "เรียงความประเทศไทย" ได้ทำการจัดแสดงกับ Muse Mobile มิวเซียมติดล้อ เป็นการจัดนิทรรศการในตู้คอนเทนเนอร์เคลื่อนที่ไปจัดแสดง ในสถานที่ต่างๆ โดยเล่าถึงประวัติศาสตร์ของประเทศและคนไทย ผ่านรูปแบบนิทรรศการที่ทันสมัยในตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่

แล้วทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คือตัวอย่าง 10 ที่เที่ยวกรุงเทพฯที่ไม่ควรพลาดไปเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง น่าสนใจใช่ไหมละ? แต่หากว่าเพื่อนๆอยากจะเช่ารถกรุงเทพ เพื่อไปเที่ยวทั่วกรุงเทพฯให้เต็มที่ ขอให้คิดถึงสำนักงานรถเช่าของ ECOCAR นะ เพราะมีสาขาทั่วกรุงเทพมากมาย ทั้งสาขาดอนเมือง สาขาลาดพร้าว สาขาสุวรรณภูมิ สาขาบางหว้า หรือในเขตปริมณฑลอย่างสาขาสำโรง และ สาขานนทบุรี ก็มีนะ เรามากด้วยประสบการณ์กว่า 8 ปี มีรถให้เช่ามากกว่า 600 คัน ทั้งขับเองและพร้อมคนขับ ราคาเริ่มต้นแค่ 856 บาท/วัน บริการดีเพราะมีเจ้าหน้าที่มืออาชีพให้บริการคุณตลอดการขับขี่ นอกจากจะขับทั่วกรุงเทพฯแล้ว ยังมีบริการขับขี่ทั่วประเทศไทยได้ด้วย ทุกครั้งที่อยากได้รถเช่า ขอให้คิดถึง Ecocar เพราะชีวิตคือการเดินทาง นะ

 

Visitors: 590,981